วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

ประกันรถยนต์




วิธีเลือกประกันรถยนต์..สำหรับมือใหม่

        หลายท่านที่ประกันรถยนต์ปีแรกกำลังจะหมด และกำลังมองหาประกันเจ้าใหม่ควรเริ่มอย่างไรดี?

        **เนื้อหาทั้งหมดนี้เกิดจากประสบการณ์ตรงและการค้นหาข้อมูลบางส่วน อาจจะไม่ถูกต้อง 100% ถือว่าเป็นการบอกเล่าประสบการณ์นะคะ**


        กระทู้นี้จะมาบอกเล่าประสบการณ์การ ‘การเลือกประกันรถยนต์’ และวิธีการคุยกับโบรกเกอร์ให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน รวมถึงเกร็ดเล็กๆน้อยที่เจอมากับตัวกันค่า ถ้าใครขี้เกียจอ่านสามารถเข้าไปดูในคลิปข้างล่างได้นะคะ เป็นการเล่าขั้นตอนทั้งหมดอย่างละเอียด (ซึ่งน่าจะลงรายละเอียดกว่าในกระทู้เพราะเป็นการเล่าไปเลื่อย ฮ่าฮ่าฮ่า)

        1. การเลือกประเภทประกัน
        - ท่านจะเลือกแบบส่วนบุคคล หรือแบบประกันกลุ่ม
        เกร็ดความรู้ที่ 1 รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถทำประกันกลุ่มได้ด้วย!! ประกันกลุ่มในที่นี้คือ ประกันที่โบรกเกอร์ได้มีการคุยกันหรือจับมือกันกับบริษัทที่เราทำงานอยู่ ถ้าบริษัทของท่านมีการใช้รถยนต์เป็นจำนวนมากก็จะมีประกันแบบนี้อยู่ ข้อดี เบี้ยเริ่มต้นถูก การคุ้มครองสูง เบี้ยในปีถัดไปเท่าเดิม(ในกรณีที่คุณมีประวัติเสีย เบี้ยมันควรเพิ่มขึ้น) ข้อเสีย เบี้ยในปีถัดไปเท่าเดิม(ในกรณีที่คุณไม่เคยมีประวัติเสีย เบี้ยมันควรจะลดลง)
        จขกท.เคยทั้งแบบกลุ่มและแบบส่วนบุคคล(เรื่องราวความเป็นไปเหตุใดจึงเลือกใช่แบบกลุ่ม และเหตุในกลับมาใช้แบบส่วนบุคคลสามารถดูได้ในคลิปค่ะ).....ปัจจุบันใช้ประกันแบบส่วนบุคคล
        ท่านจะเลือกแบบซ่อมอู่ หรือซ่อมห้าง รถใหม่ๆแนะนำซ่อมห้างค่ะ สบายใจกว่า ได้ของแท้ และมีบริการที่ได้มาตรฐานด้วยค่ะ
        เกร็ดความรู้ที่ 2 ซ่อมอู่ คือการซ่อมตามอู่ซ่อมรถทั่วไป ราคาเบี้ยจะถูกกว่าซ่อมห้าง แต่ก็ต้องมีเพื่อนหรือคนรู้จักเป็นเจ้าของหรือทำงานที่นั้นเราถึงจะเลือกซ่อมอู่ค่ะ และซ่อมกับทางอู่เพื่อนหรือคนรู้จักเท่านั้น เพราะไว้ใจได้ สบายใจกว่า (อันนี้แล้วแต่ละบุคคลนะคะ ทางจขกท.ไม่มีความรู้ทางด้านรถยนต์จึงเลือกซ่อมห้างเพราะคิดว่าจะได้อะไหล่แท้ และมีมาตรฐานการบริการมากกว่าค่ะ) ส่วนซ่อมห้าง(ซ่อมศูนย์) คือการไปซ่อมตามศูนย์ที่ขายรถยนต์ พวกศูนย์ toyota honda mazda ที่มีการบริการซ่อมสีและตัวถังค่ะ เนื่องจากส่วนใหญ่จะซ่อมห้างกันเยอะ การเข้าซ่อมแต่ละครั้งจะใช้เวลานานพอสมควร รวมถึงเวลาการรออะไหล่แท้ด้วยก็กินเวลาไปเป็นสัปดาห์เลย
        - สำหรับสาวๆมีประกันภัยสำหรับคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ประกันภัยแบบนี้มักจะมีพวก gift voucher เกี่ยวกับความสวยงานแถมมาให้เยอะเลยค่ะ ลองไปหากันดู...แต่เราไม่ได้เลือกแบบนี้ค่ะ เพราะไม่คุ้มสำหรับเรา

        2. Google ช่วยท่านได้ แค่พิมพ์คำค้นหาว่า “ประกันรถยนต์” “เทียบราคาประกันรถยนต์” ลงไป จะมีบริษัทมากมายมาให้ท่านเลือกทั้งที่บอกค่าเบี้ย และไม่บอกค่าเบี้ยประกัน หาโบรกเกอร์ที่น่าสนใจ เว็บดูทันสมัย มีเบอร์ติดต่อสะดวก เพื่อความน่าเชื่อถือ...บ.ที่จขกท.สนใจมี jltasia, TQM, และ silkspan
        เกร็ดความรู้ที่ 3 บนหน้าเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะบอกรายละเอียด และบริษัทประกันภัยไม่หมด แต่สามารถดูได้คร่าวๆ แล้วจดตัวที่น่าสนใจเอาไว้ โบรกเกอร์คือใคร โบรกเกอร์ คือ บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็น​นายหน้าซื้อขายประกันนั้นเอง

        3. กรอกข้อมูล รอโบรกเกอร์ติดต่อกลับ ทำการกรอกชื่อและเบอร์โทรที่ีสามารถติดต่อได้กับเว็บไซต์ที่เราสนใจไว้ แล้วรอทางนั้นติดต่อกลับ กรอกข้อมูลส่วนตัวของเราเฉพาะบ.ที่เราสนใจจริงๆนะคะ ไม่แนะนำให้กรอกทุกเว็บที่มี pop-up ขึ้นมาให้กรอกน้า จากนั้นก็รอค่ะ รอให้แต่ละเจ้าติดต่อมา เราต้องจำว่ารถเรายี่ห้ออะไร รุ่นไหน ปีไหนไว้ด้วยนะคะ เพราะบ.เหล่านี้จะถามเพื่อเสนอประกันที่เหมาะสมให้เราค่ะ

        ต้องคุยอะไรกับโบรกเกอร์บ้าง (ทุกการสื่อสารควรอัดเสียไว้ทุกครั้งนะคะ)
        - จดชื่อบุคคลที่คุยกับเราอยู่..เพื่อติดต่อครั้งต่อไปจะได้สะดวกขึ้น
        - บอกความต้องการ วงเงินที่จ่ายได้ ต้องการระบุ หรือไม่ระบุผู้ขับขี่ ต้องการความคุ้มครองจำนวนผู้โดยสารเท่าไหร่ 4 คน 6 คน ราคาก็จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับท่านและรถของท่าน ซ่อมห้าง หรือซ่องอู่ (มีอธิบายเพิ่มเติมในคลิปนะคะ ว่าแบบไหนเป็นยังไง อันนี้ขอข้ามค่ะ)
        - ประกันภัยของท่านอยากรวม พรบ.ไปด้วยเลยมั้ยถ้าอยากจ่ายที่เดียวได้ 2 อย่างก็บอกเขาไปค่ะ ว่าเอาประกันรวม พรบ. ด้วย ทางโบรกเกอร์ก็จะคำนวณค่าใช้จ่ายสุทธิมาให้
        - ขอใบเสนอราคา ทางจขกท.จะเลือกๆมาก 3-4 ตัวแล้วให้ทางโบรกเกอร์ส่งรายละเอียดแต่ละตัวมาทางe-mail เป็นลายลักษณ์อักษรอะไรๆมันก็จะง่ายขึ้นค่ะ หน้าตาใบเสนอราคาเบี้ยประกันจะประมาณนี้ แต่ละที่จะแตกต่างกันไปเล็กน้อยค่ะ


        - ถามการบริการเสริมจากทางโบรกเกอร์ และบริการเสริมของตัวประกันภัยเอง เช่น มีรถลากฟรีกี่ครั้ง กี่กม., มีเบอร์ช่วยเหลือฉุกเฉินมั้ย, น้ำมันหมดเติมฟรีได้กี่ครั้ง ครั้งละกี่ลิตร, มีรถใช้ฟรีระหว่างซ่อมมั้ย เราเป็นฝ่ายถูกมีรถให้ใช้กี่วัน ฝ่ายผิดมีให้ใช้มั้ย ต้องไปรับรถที่ไหน (บางเจ้ารับรถที่ที่เราไปซ่อมได้เลย บางที่ต้องไปรับที่สนามบิน ถามเขาให้ชัดๆค่ะ...จะได้แย้งได้ถูก เพราะเราอัดเสียไว้แล้ว ถ้าทางโยรกเกอร์พูดแล้วถึงคราวต้องใช้รถสำรองไม่เป็นอย่างที่ตกลงกันไว้ ฟ้องร้องนะเออ…..ขอให้เขาเขียนหรือมีระบุไว้ในเอกสารเสนอราคามายิ่งดีค่ะ) มีค่าเดินทางเมื่อรถอยู่ระหว่างซ่อมหรือไม่ สอบถามมาให้หมดค่ะ

        4. สร้างตาราเปรียบเทียบราคา และการคุ้มครอง เอาประกันของทุกโบรกเกอร์มารวมกันให้เป็นตารางเดียวค่ะ จะได้มองง่ายๆ ส่วนใหญ่ที่จขกท.จะดูคือ ทุนประกันภัย การคุ้มครองต่อสินทรัพย์ และค่ารักษาพยาบาลค่ะ แต่การดูทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่เป็นหลักน้า

        5. ติดต่ออู่ใกล้บ้าน พอเราเลือกประกันในใจกับ โบรกเกอร์ที่ให้บริการเสริมดีๆได้แล้ว ก็ทำการติดต่อศูนย์ใกล้บ้านค่ะ หรือจริงๆสอบถามโบรกเกอร์ก็ได้ว่าประกัน….มีที่ศูนย์ใกล้บ้างเราหรือเปล่า….ส่วนทางจขกท.นั้น ถามทางศูนย์ใกล้บ้านโดยตรงเลยค่ะ ไม่ไว้ใจโบรกเกอร์ ยิ้ม เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆจะได้สบายใจได้ว่าทางศูนย์ใกล้บ้านจะรับเรื่องของเรา อ๋อ..แล้วอย่าลืมถามศูนย์นะคะว่าประกันของเจ้าไหนทำเรื่องเร็ว ไม่จุกจิก จะทำให้ทางศูนย์เบิกอะไหล่ได้เร็วขึ้นทำให้รถเราเสร็จเร็วขึ้นนั้นเอง ได้คำตอบจากทางศูนย์ใกล้บ้านแล้วก็เอามาพิจารณาเปรียบเทียบกับตารางใบเสนอราคา แล้วจะทำให้เราเลือก ประกัน และโบรกเกอร์ได้นั้นเอง

        6. จิ้มแล้วจ่าย ยังค่ะ ไม่ใช่แค่จิ้มแล้วจ่ายอย่างเดียวเท่านั้น คุยกับโบรกเกอร์ที่เราเลือกก่อนนะคะ ว่าจะผ่อนจ่าย หรือจ่ายสด จ่ายสดลดเพิ่มได้อีกมั้ย ผ่อนจ่าย 0% นานกี่เดือน แล้วเราจะได้ตัวกรมธรรม์ประกันรถยนต์เมื่อไหร่ ให้เขาจัดส่งเอกสารที่ไหน ตกลงกันให้ดีๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและที่สำคัญ อย่าลืมอัดเสียงไว้ด้วยน้า

ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อก่อนเราใช้ประกันเจ้าไหน ตอนนี้ใช้เจ้าไหน เลือกประกันแบบไหนไป สามารถไปดูได้ในคลิปนะคะ เพราะจขกท.คิดว่ามันนอกเหนือไปจากหัวข้อในการเลือกประกันของแต่ละบุคคลแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น